ฉันได้อ่านบทความหลายบทเกี่ยวกับสวนครัวที่บ้านและเทคนิคการเกษตรโดยทั่วไป และสังเกตเห็นว่าผู้เขียนแต่ละคนให้คำแนะนำที่ขัดแย้งกันมากมาย ดังนั้น ฉันจึงรวบรวมคำแนะนำที่ดูจะถูกต้องมากที่สุด (คำแนะนำที่ให้รดน้ำต้นกล้าด้วยน้ำเกลือไม่นับนะ :) ) และใช้สิ่งเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาด:
สิ่งที่ฉันทำ | วิธีที่ถูกต้อง |
---|---|
ฉันแช่เมล็ดเล็กจิ๋วของเมลิสสาและเอสตรากอน ซึ่งในที่สุดเมล็ดก็ไปติดกับผ้าก๊อซอย่างแน่นหนา ทำให้ย้ายไปปลูกในดินได้ยาก | ในความเป็นจริง เมล็ดเล็กจิ๋วไม่ควรแช่น้ำ แต่ให้โรยไว้บนชั้นดินบนสุดแล้วพรมน้ำเล็กน้อย (เช่น ด้วยสเปรย์ฉีดน้ำ) และคลุมด้วยพลาสติกจนกว่าจะงอก หลังจากนั้นควรกลบทับด้วยดินหนาประมาณ 2 ซม. |
ฉันเอาพลาสติกออกจากต้นกล้าเพียง 2 วันหลังการเพาะเมล็ด เพราะคิดว่ามันต้องการอากาศ | โรงเรือนขนาดเล็กสำหรับต้นกล้าในรูปของฝาแก้วหรือพลาสติกคลุมนั้นจำเป็นจนกว่าต้นกล้าจะมีใบจริง 2 ใบ |
ฉันเก็บต้นกล้าไว้บนหม้อน้ำ | อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับพืชส่วนใหญ่คือ 16-22 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม บางแหล่งระบุว่าให้ใช้ 30 องศาในกรณีที่เมล็ดยังไม่งอก (ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะทำให้เมล็ดเสียหาย) ในกรณีนี้ เมล็ดจะงอกภายใน 4-5 วัน แต่ถ้าอุณหภูมิ 18 องศา อาจต้องรอนานขึ้นอีกหนึ่งสัปดาห์ |
ฉันใส่ปุ๋ยในเมล็ดที่ยังไม่งอก | ควรเริ่มใส่ปุ๋ยครั้งแรกเมื่อมีใบจริงสองใบปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นจุดที่พืชเริ่มดูดซึมอาหารทางราก สิ่งสำคัญที่ต้องใช้คือไนโตรเจนและฟอสฟอรัส สารละลายปุ๋ยควรอ่อนกว่าที่แนะนำสำหรับพืชโตเต็มวัย 5 เท่า |
ฉันปลูกเมล็ดในชั้นดินบางๆ บนจาน โดยคาดว่าจะย้ายต้นกล้าไปปลูกอีกครั้ง | ภาชนะสำหรับปลูกควรมีความลึกไม่น้อยกว่า 6-8 ซม. ใช้ดิน 2-3 ซม. ใส่เมล็ด แล้วกลบทับด้วยดินอีก 2 ซม. ซึ่งเหมาะสำหรับพืชส่วนใหญ่ |
ฉันรดน้ำต้นกล้ามากเกินไป วันละถึง 10 ครั้ง | ในความเป็นจริง ควรรดน้ำเพียงครั้งเดียว (หรือจะพรมด้วยสเปรย์น้ำให้ทั่วก็ได้) แล้วคลุมด้วยพลาสติกจนกว่าต้นจะงอก หลังจากนั้นจึงค่อยรดน้ำอย่างระมัดระวัง |
ฉันต้องสารภาพว่าไม่เคยคิดเลยว่าผลผลิตของฉันจะขึ้นอยู่กับการดูแลต้นกล้าในช่วงแรกๆ ดังนั้น ในบทความถัดไป ฉันอยากจะกล่าวถึงเรื่องการปลูกและการดูแลต้นอ่อนบนขอบหน้าต่างอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น